วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

วันว่างๆ หนึ่งวัน

วันว่างวันนี้ก็ใช้ไปกับการอ่าน microbiology

ทำไมชีวิตเรามีแต่สิ่งนี้เนี่ย

เราเป็นเด็กเรียนเกินไปมั้ยน้า

ถ้าตอนนี้เรียนวิศวะ หรือบัญชี อยู่จะชิวมั้ย

แต่ก็นะ ... จินตนาการตัวเองเป็น วิศวกร หรือนักบัญชีไม่ออกแฮะ

ไม่ใช่ทาง




อิจฉาคนอื่นจัง

เห็นปิดเทอมหน้าจะมีคนไป work&travel ด้วย

อยากไปมั่งจัง แต่ก็นะ ไม่กล้าหรอก

ไม่กล้าไป ไม่กล้าขอ แล้วก็ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรยังไง

ก็อยู่กับบ้านมาตั้งแต่เด็กแล้วนี่นะ

อย่างเรานี้ถือว่าใช้คุ้มมั้ยนะ เวลาที่ผ่านมา




บางทีเราก็อิจฉาพวกเด็กเกเหมือนกันนะ

พวกเค้าต้องได้ทำอะไรแปลกๆเยอะแน่เรย 555+

อย่างเช่นออกไป แว๊นซ์ ยามค่ำคืนเป็นต้น



อยากไปเมืองนอกโว้ย

ตอนม.ปลายนี่ถ้าได้ไป AFS ก็ดีสิเนอะ

อยากไปเรียนต่อต่างประเทศจัง

แต่คงไม่มีโอกาสแล้วหล่ะมั้ง

ความจริงแล้วก็กลัวด้วยแหละ

กลัวภาษาอังกิด ทำไมประเทศไทยไม่เป็นมหาอำนาจนะ

รู้สึกตัวเองเป็นพวกขี้แพ้ยังไงไม่รู้สิ





พอแค่นี้ดีกว่า - -"

จะมีใครมาอ่านบ้างมั้ยน้า อยากรู้จัง

อ่านแล้ว ment หน่อยสิว่าได้อ่านแล้ว

ถึงจะแค่บังเอิญผ่านมาทาง google

ถึงเราจะไม่รู้จักกันเลย ก็ ment มาเถอะนะ 55+

เราก็ไม่รู้หรอกว่าจะได้เข้ามาเมื่อไหร่

เข้ามาปลดปล่อยอารมณ์เพ้อๆ ของหนึ่งวันว่างๆนี้

แล้วเจอกันใหม่นะ ^.^

วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2552

My Favorite Stuff

Corpse bride
เจ้าสาวศพสวย
.

วันที่เข้าฉาย
3 พฤศจิกายน 2005
กำกับโดย
Tim Burton, Mike Johnson
เขียนโดย
John August, Pamela Pettler, Caroline Thompson
นำแสดงโดย
Johnny Depp Victor Van Dort (voice)
Helena Bonham Carter Corpse Bride (voice)
Emily Watson Victoria Everglot (voice)
สร้างโดย
ประเทศ UK
จำหน่ายโดย
วอร์เนอร์ บราเดอร์ (F.E.)
.
Corpse bride เป็นอีกเรื่องที่อยากแนะนำให้ทุกคนได้ดู เพราะหลังจากที่ดูเรื่องนี้จบแล้วอาจจะเศร้านิดหน่อยแต่รับรองว่าได้อิ่มเอมกับเนื้อเรื่องที่แฝงไปด้วยแง่คิดเกี่ยวกับความรัก มีช่วงหนึ่งที่ Emily พูดว่า "ครั้งหนึ่งฝันของฉันนั้นถูกพรากไป แต่ฉันนั้นจะไม่พรากมันไปจากคุณ ฉันรักคุณ" หรือคำสาบานหวานๆอย่าง “I'll relief your sorrow. Your glass will never empty coz I'll be your wine.........” ที่สำคัญภาพสวย และเพลงก็เพราะมากถึงมากที่สุด >.<

เรื่องนี้มีทั้งความเศร้าของความรักที่ไม่สมหวัง แต่ก็เต็มไปด้วยความสุขจากการที่ได้รัก เช่นกัน


ภาพยนตร์การ์ตูน stop-motion เรื่องยาวของ ผู้กำกับ Tim Burton และ Mike Johnson ที่มีพื้นเพมาจากนิทานพื้นบ้านของชาวรัสเซีย เกี่ยวกับเรื่องราวความรักอันแสนเศร้าของเจ้าสาวซากศพที่หัวใจสลายและสามีที่ไม่เต็มใจของเธอ

ภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มถ่ายทำตั้งแต่ปี 2002 แต่ออกฉายในโรงภาพยนตร์ในปี 2005 Corpse bride ใช้เวลาถึง 3 ปีในการถ่ายทำเพราะในขั้นตอนของการ์ตูนเทคนิค stop-motion นั้นต้องใช้ความมุ่งมั่น อดทนพยายามอย่างสูง หุ่นกระบอกนั้นจะถูกขยับด้วยมือให้ขยับทีละนิด – บางครั้งจะมีการขยับทีละครึ่งมิลลิเมตรเท่านั้น ซึ่งการวางท่าในแต่ละท่าจะถูกถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหนึ่งเฟรม และจากนั้นนักเขียนการ์ตูนก็จะกลับมาเคลื่อนย้ายหุ่นกระบอกให้ขยับขึ้นไปอีกนิดนึง และทำขั้นตอนเหมือนเดิมแบบนี้เรื่อยๆ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งอาจจะต้องทำงานถึง 12 ชั่วโมงเพื่อให้ได้หนึ่งหรือ 2 วินาทีของฟิล์มภาพยนตร์ในแต่ละวัน !!!


แต่ Corpse Bride ไม่เหมือนกับภาพยนตร์ทั่วไป เพราะทีมงานจะสามารถคัดลอกหุ่นกระบอกนักแสดงและฉากไว้หลายๆชุดได้ เพื่อที่จะประหยัดเวลา โดยที่ผู้กำกับการแสดง มีหน้าที่รับผิดชอบเป็นอย่างมากที่จะต้องแน่ใจว่าตัวละคร และฉากต่างๆนั้นจะต้องถูกต้องและตรงกันตลอดการถ่ายทำ
.

Corpse bride เริ่มต้นโดยการเป็นแบบเสก็ตช์ที่เบอร์ตันวาดขึ้นมาเพื่อเป็นเค้าโครงของตัวแสดงที่อยู่ในจินตนาการของเขา
.


เมื่อบทภาพยนตร์เขียนเสร็จแล้วมันก็ถูกมอบให้กับ ทีมงานศิลปินที่วาดภาพสเก็ตช์สตอรี่บอร์ดผู้ที่จะโยงภาพยนตร์ทั้งเรื่องเข้าด้วยกัน ที่ละช็อตทีละช็อต เพื่อให้เห็นมุมกล้องต่างๆและตีความรู้สึก และสีหน้าต่างๆของตัวแสดง หลังจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของนักแสดงก็จะอัดบทสนทนาในหนัง ก่อนที่ตัวหุ่นจะถูกเขียนขึ้น การแสดงของนักแสดงต่างๆจึงสำคัญมากในการสร้างสรรค์บุคลิกภาพของตัวแสดงต่างๆ และเป็นการจัดรูปแบบโดยทั่วๆไปของหนัง
.

จากนั้นจะเป็นงานของนักทำหุ่น สำหรับ Corpse bride ส่วนผิวหนังที่อยู่บนหุ่นทำมาจาก โฟมและซิลิโคนรวมกัน ในอดีตอย่างในเรื่อง Nightmare before Christmas การแสดงออกของสีหน้าต้องทำการเปลี่ยนหัวของหุ่นเรื่อยๆ แต่ Corpse bride ได้มีการคิดค้น อุปกรณ์บังคับอยู่ภายในหัวของหุ่น ทำให้สามารถเปลี่ยนหน้าของหุ่นไปทีละน้อยเพื่อให้เกิดท่าทางมากขึ้นและยังสามารถขยับรูปปากเพื่อให้หุ่นยิ้มได้ ย่นหน้า ยักคิ้วก็ได้

.

และเพื่อฝังเครื่องมือเหล่านี้หมายความว่า หุ่นต้องมีขนาดอย่างน้อย 12 นิ้วทำให้สัดส่วนของอุปกรณ์ ประกอบฉากอื่นๆใหญ่โตขึ้นไปด้วย ฉากสูงถึง 16 ฟุตและบางฉากมีความลึกถึง 20-30 ฟุต เมือเปรียบเทียบกับการ์ตูนเรื่องอื่นๆแล้วจะใหญ่กว่าถึง 2-3 เท่าแม้ว่าจะเทียบกับเทคนิก stop-motion ด้วยกันก็ตาม
.

.

การทำงานกับฉากใหญ่เป็นเรื่องยาก-บ่อยครั้งที่ทีมงานต้องแอบอยู่ใต้ฉากพร้อมกับจอมอนิเตอ และต้องโผล่ขึ้นมาจากประตูที่ทำขึ้นทุกๆเฟรมเพื่อเคลื่อนไหวหุ่นทีละนิด
.

แม้แต่เสื้อผ้าของของหุ่นก็ต้องได้รับการสร้างสรรค์เป็นพิเศษ โดยช่างฝีมือหรือศิลปิน โดยทุกอย่างในฉากจะต้องเข้ากันมากที่สุดเพื่อให้สามารถเชื่อได้ว่าเป็นสถานที่จริง
.
ส่วนหนึ่งที่ยุ่งยากมากๆก็คือชุดแต่งงานของเจ้าสาวที่ทำด้วยผ้าแก้วจับจีบ และผ้าคลุมหน้า ผ้าที่ตัดชุดนั้นปลิวไปตามสายลม ซึ่งยากมากในการจะขยับให้เคลื่อนทีละนิด ผ้าคลุมหน้าและมงกุฏดอกไม้ของเธอนั้นใช้เวลาในการพัฒนามันขึ้นมากว่า 10 เดือนเลยทีเดียว
.

จุดที่เด่นและเห็นได้ชัดที่สุดในเรื่องนี้คือการตั้งใจให้บรรยากาศในโลกคนเป็น น่าเบื่อไม่สดใสเป็นที่ๆผู้อยู่อาศัยไร้ชีวิตชีวา โศกเศร้า และสิ้นหวัง แต่ดินแดนคนตายกลับเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ผู้อยู่อาศัยเต็มไปด้วยความปรารถนาแห่งชีวิต


ต้องบอกว่าตอนแรกเลยที่อยากดูเรื่องนี้ก็เพราะว่าชอบตัวละครมาก และเนื้อหาของเรื่องมันก็ดูลึกลับดี อยากเห็นความสยองขวัญ+ความโรแมนติก ว่าจะออกมาเป็นแบบไหน โดยที่ไม่ได้รู้มาก่อนว่าเรื่องนี้มีการถ่ายทำแบบ stop-motion และ Tim Burton เป็นผู้กำกับ

หลังจากได้ดูเรื่องนี้แล้ว ก็หลงรักผู้กำกับคนนี้ขึ้นมาทันทีและพอไปสืบดูดีๆแ้ล้ว หนังที่เคยดูสมัยก่อนและยังคนติดอยู่ในหัวใจว่าเป็นหนังที่ชอบหลายเรื่องทีเดียวเป็นผลงานของผู้กำกับคนนี้ Tim Burton ไม่รู้ว่าได้เคยดูกันหรือปล่าว
.

- Mars attack (ถ้าจำไม่ผิดนี่น่าจะเป็นเรื่องแรกที่ได้ดู)

- Edward Scissorhands- Sleepy Hollow

- Charlie and the Chocolate Factory

- Sweeney Todd (อันนี้หลังจากได้ดู corpse bride แล้วไปหามาดู)


แล้วพอได้ดูเบื้องหลังของหนังเรื่องนี้ที่ทำกันแบบ Stop-Motion แล้วรู้สึุกได้ถึงความพยายามอันสูงส่งมากๆและเราว่าการถ่ายแบบนี้มันได้ภาพที่สวยกว่า animation ปกติที่ทำจากคอมพิวเตอร์ด้วยทำให้ชอบมากขึ้นไปอีก


อยากให้ทุกๆคนได้ดูเรื่องนี้นะ ^.^ ไม่รู้ว่าจะชอบเหมือนเรามั้ย แต่อย่างน้อยเราก็ชอบมากๆนะเรื่องนี้อะ


เอา trailer มาฝาก


อ้างอิงจาก

วันพฤหัสบดีที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552

เริ่มต้นปี 2552

ปิดปีใหม่ปีนี้ไม่ได้ไปไหน อยู่บ้านจะเล่นเกมอย่างเดียวก็ยังไงอยู่ 555+

ก็เลยไปคุ้ยๆ หนังและการ์ตูน ที่ค้างไว้รอคนมาดู




คุ้ยไปคุ้ยมามีมากกว่าที่คิดแฮะ

บางแผ่นยังอยู่ในซองอยู่เลย >.<

หยุดปีใหม่นี้เลยตั้งใจไว้ว่าต้องดูหนังให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ^.^

นั่งดูกันจนตูดแฉะเลยทีเดียว




เรื่องที่ดูไปแล้วขณะนี้หน่ะเหรอ

kung fu dunk
step up 2
flying dagger
one litre of tear SP
crying out love
epic movie
open season
transformer

กะลังคิดอยู่ว่า 6 วันนี้จะดูหนังไปทั้งหมดกี่เรื่อง แล้ววันจันทร์จะมาบอกนะจ๊ะ


ps. ช่วงนี้ก็ Doremon & Ojamajo Doreme ทุกเช้าเรย 555+




edited 5-1-2009


มาบอกตามสัญญา แต่ว่าได้ดูเพิ่มแค่ไม่กี่เรื่องเองอะ -*-

ก็เพราะมันมีคนมาทักหน่ะแหละว่ามีการบ้าน individual ต้องส่ง

เวลาส่วนใหญ่เลยไปอยู่หน้าคอมแทนที่จะได้นั่งแช่อยู่หน้าทีวี

วัยรุ่น(ตอนปลาย)เซ็งอะ สุดท้ายก็เพิ่งเสร็จ ตะกี้นี้ กะว่าจะเล่นเกมต่อ

แต่ด้วยนึกได้ว่าสัญญาไว้ว่าจะมา up blog วันนี้เลยต้องมาเขียนก่อน 55+




สรุปว่าได้ดูเพิ่มไปเพียง 4 เรื่องเองอะ

ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการ์ตูนที่พี่ไปยืมรุ่นพี่ของพี่มาอีกที

คงไม่ค่อยรู้จักกันมั้ง ซึ่งก็คือ


Howl's Moving Castle
the TRIPLETTES of BELLEVILLE
Nausicaa of the Valley of the Wind
the Sound of Music


นอกจาก the Sound of Music แล้วรู้จักเรื่องไหนกันมั่งป่าว ^.^




ไปเล่นเกมต่อแล้วนะคับผม

วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2551

วันแรกหลังการสอบ

ประเดิมด้วยการดูหนัง HBO สองเรื่องควบ หลังจากดู pokemon 55+

คงจะคิดกันสินะว่า " แก่ " แล้วยังจะดูช่อง 9 การ์ตูนอีก



เค้าปล่าวน้า เค้าดู Modern 9 การ์ตูน ตะหาก 55+

ช่อง 9 การ์ตูนมันเก่าไปแล้วเฟ้ย





-*-

คนอารายไร้สาระเจงๆ



จาหยุดปีใหม่แล้ว >.< เริ่มเทศกาลเล่นเกม marathon

ใครสนไจเข้าร่วมติดต่อมาได้ กติกาเพียงแค่ต้องนั่งหน้าคอมฯ

ห้ามไปไหนยกเว้น เข้าห้องน้ำ และโดนแม่เรียกใช้ เท่านั้น 555+

วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เทศกาลสอบตลอดทั้งปี >.<

ช่วงนี้กะลังหัวฟู

ฟู ฟู ฟู

ฟูได้อีก

หวังว่าเกรดจะงามนะ

-*-